Kawaguchiko Music Forest พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีในดินแดนเทพนิยาย
“อะไรจะเข้ากับบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส
มากไปกว่าการเดินเล่นเคล้าเสียงเพลงจากกล่องดนตรี
ในหมู่บ้านสไตล์ยุโรปที่สวยเหมือนเทพนิยายกันล่ะ?”
เมื่อพูดถึง Kawaguchiko ไม่ว่าใครก็ย่อมนึกถึงฟูจิซังที่สูงใหญ่และทะเลสาปอันกว้างขวางเป็นอันดับแรกแน่ๆ
แต่ด้วยความขี้อายของคุณฟูจิ เธอมักไม่พร้อมที่จะอยู่ให้เราเชยชมและถ่ายภาพได้ทั้งวันตามอำเภอใจหรือบางวัน
อาจไม่มีแก่ใจจะออกมาทักทายผู้คนเลยด้วยซ้ำ
เวลาเที่ยงและบ่ายที่แดดจัดและเมฆหนาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาพาคุณฟูจิไปพักผ่อน
เราจึงได้มีโอกาสแวะมาสัมผัสกับความดีงามของป่าแห่งเสียงดนตรีแห่งนี้กัน
Kawaguchiko Music Forest
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกล่องเพลงและออร์แกนจากต่างประเทศเอาไว้ให้ได้ฟัง ชม และ เลือกซื้อกัน
นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีสดเป็นรอบๆตลอดวันด้วย ซึ่งการแสดงสดนั้นไม่ธรรมดาเลย
เพราะเป็นการแสดงของออร์แกนอัตโนมัติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!
เมื่อจอดจักรยานเอาคู่ใจไว้ที่ฝั่งตรงข้าม ก็ถึงเวลาที่เราจะได้เข้าไปเดินเล่นในโลกแห่งเทพนิยายกันแล้ว~
ที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์มีคุณซานต้าใจดีคอยต้อนรับผู้มาเยือนด้วยยย
เมื่อเดินลอดซุ้มต้นไม้ผ่านเข้าไปในสวนเราจะมาถึงส่วนซื้อตั๋วเข้าชม แน่นอนว่าต้องถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามสมเป็นเทศกาลคริสต์มาส
ใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์แบบเจ้าหญิงในเทพนิยาย ที่นี่เค้ามีชุดสวยๆเอาไว้ให้เช่าเพื่อเปลี่ยนให้เข้ากับบรรยากาศด้วย
เครื่องประดับอื่นๆไม่ว่าจะเป็นหมวก มงกุฎ ร่ม ก็มี แถมช่วงหน้าหนาวแบบนี้เค้าก็มีเฟอร์หรูๆให้ใส่กันอีก
เรียกได้ว่าครบชุดแน่นอน จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ใส่ได้ (ของคุณผู้ชายก็มีนะ)
เปลี่ยนชุดเสร็จก็เข้ามาด้านในกันเลยยย
ภายในเป็นสวนสไตล์ยุโรปที่ล้อมรอบด้วยหมู่ตึกสวยๆและบ่อน้ำ
เห็นรึเปล่าว่ามีใครแอบมองเราอยู่?
คุณฟูจิแสนขี้อายของเรานั่นเอง~
บรรยากาศแบบยุโรปที่มีฉากหลังเป็นฟูจิซังนี่หาจากไหนไม่ได้นอกจากที่นี่จริงๆ
อากาศเย็นๆแบบนี้ นั่งจิบชาไปพลาง ฟังเสียงเพลงจากกล่องดนตรีไปพลางก็ไม่เลวนะ
สวนถูกย้อมด้วยบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส ต้นไม้ต่างก็ถูกประดับด้วยไฟดวงเล็กๆเต็มไปหมด
เราอยู่ไม่ถึงเวลาที่พิพิธภัณฑ์เปิดไฟตอนฟ้ามืด แต่แค่แสงแดดตอนเที่ยงส่องมากระทบ
ต้นไม้พวกนี้ก็ส่องประกายระยิบระยิบแล้ว ตอนกลางคืนจะต้องสวยมากแน่ๆเลยยย

รอบบริเวณมีเครื่องดนตรีง่ายๆจัดไว้ให้ผู้คนเล่นกันด้วย
อันนี้ถ้าเขย่าตามโน้ตจะออกมาเป็นเพลงด้วยนะ
ตรงนี้จะมีการแสดงดนตรีประกอบน้ำพุทุกๆ 1 ชั่วโมง ช่วงเทศกาลแบบคุณตุ๊กตาบนหอนาฬิกาก็มาในชุดซานต้าคอสซะด้วย
เมื่อชมบรรยากาศด้านนอกกันจนเต็มอิ่ม ก็ได้เวลาเข้าไปฟังชมการแสดงกันแล้ว โดยการแสดงของที่นี่จะมีอยู่ที่ 2 ฮอลล์ด้วยกัน
อย่าลืมเช็ครอบและเวลาให้ดีๆก่อนน้า
ฮอลล์แรกคือ History Hall
ด้านในจัดแสดงเครื่องดนตรีโบราณและมีโชว์โอเปร่าประกอบออร์แกนโบราณแบบเดียวกับที่อยู่ในเรือไททานิคให้ชมกัน
ซึ่งมันน่าทึ่งมากๆเพราะเครื่องๆเดียวนี้สามารถทำเสียงได้หลากหลายรูปแบบมากๆ ถ้าหลับตาฟังคงเข้าใจผิดว่าสิ่งที่บรรเลงเพลงอยู่นี้
คือวงออร์เคสตราขนาดใหญ่แน่ๆ
เอาจริงๆออร์แกนนี่คือต้นแบบของหุ่นยนต์ในยุคแรกเลยนะ การที่ดนตรีไม่จำเป็นต้องถูกบรรเลงด้วยคน
แต่เป็นกลไกของเครื่องจักรแทนเนี่ยมันคงเจ๋งมากๆในยุคนั้น
พอออกจากฮอลล์แรก ก็มาต่อกันเลยที่ Organ Hall
บอกเลยว่าใครที่ปลื้มของน่ารักๆและความคลาสสิคของเหล่าตุ๊กตุ่นตุ๊กตาจะต้องกรี๊ด
เพราะสิ่งจะที่แสดงให้เราชมในห้องนี้คือออร์แกนอัติโนมัติสีพาสเทลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง!
ระหว่างทางเดินเข้าฮอลล์มีออร์แกนโบราณสวยๆจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย
เมื่อผู้ชมทุกคนนั่งประจำที่ หุ่นทุกตัวก็จะเริ่มขยับตามหน้าที่ของตนแล้วเสียงเพลงที่ประสานกันระหว่างเครื่องดนตรีต่างๆก็ดังขึ้นทั่วฮอลล์
ไม่ใช่แค่หุ่นที่อยู่ด้านหน้าแต่หุ่นทุกตัวที่อยู่บนผนังรอบๆก็เป็นหนึ่งในส่วนของเครื่องดนตรีด้วย
ทั้งสวย เพราะ และน่าทึ่งจริงๆ
เมื่อโชว์จบสามารถเดินไปชมรายละเอียดของออร์แกนได้อย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าทุกรายละเอียดนั้นประณีตและสวยงามมากๆ
โดยออร์แกนเครื่องนี้เป็นของฝรั่งเศสแท้ๆ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1905 นู้นแน่ะ อายุร้อยกว่าปีแล้ว
และส่วนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ Museum Shop นั่นเองงง
ที่นี่รวบรวมกล่องเพลงทั้งเก่าและใหม่หลากหลายรูปแบบเอาไว้ให้เลือกซื้อมากมาย โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนกันเลยทีเดียว!
ถ้าใครไม่อยากเสียเงินแค่เดินเข้ามาชมก็คุ้มแล้ว เพราะกล่องเพลงทั้งหมดที่เห็นนี้สามารถทดลองไขลานเพื่อฟังแต่ละเพลงได้เลย
ถ้าอยากซื้ออันไหนค่อยหยิบไปจ่ายเงินแล้วพนักงานก็จะหยิบอันใหม่ออกมาให้ จะเรียกว่าเป็นมิวเซียมของกล่องเพลงยุคใหม่ขนาดย่อมๆเลยก็ว่าได้
เพลงที่บรรจุอยู่ในกล่องเพลงแต่ละกล่องก็มีหลากหลายสไตล์ตั้งแต่เพลงคลาสสิค เพลงสากล เพลงญี่ปุ่นโบราณ
ไปจนถึงเพลงประกอบอนิเมะเพราะๆอย่างสตูดิโอ Ghibli หรือเพลงญี่ปุ่นฮิตๆทั้ง J-pop, J-rock ก็มี
หน้าตาก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะแบบเรียบๆสุดคลาสสิคหรือแบบที่ประดับตุ๊กตาน่ารักสวยงาม
และที่พิเศษในช่วงคริสต์มาสแบบนี้ก็คือกล่องเพลงที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาสที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งเพราะและสวยทั้งนั้นเลยย
ฝั่งนี้เป็นกล่องเพลงที่มีราคาสูง วิธีทดลองฟังจึงใช้การกดปุ่มเพื่อเริ่มเล่นเพลงแทน
เมื่อกลับออกมาจากร้านค้า แสงแดดที่เคยร้อนแรงก็เบาบางลง เมฆที่ย้อมท้องฟ้าและวิวฟูจิซังให้เป็นสีขาวก็ลอยผ่านไป
เราเองก็ถึงเวลาที่จะต้องบอกลาป่าแห่งเสียงดนตรีแห่งนี้กันแล้ว
ในตอนแรกเราคิดเอาไว้ว่าคงใช้เวลาที่นี่ไม่นาน แต่ด้วยบรรยากาศดีๆ เสียงเพลง และความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้เราเที่ยวเพลิน
จนแทบจะลืมเวลาและคิดไม่ผิดเลยที่แวะมาที่นี่ คาวากูจิโกะไม่ได้มีดีแค่ฟูจิซัง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นวันที่สาวน้อยขี้อายไม่ยอมออกมาทักทาย
หรือถึงแม้กระทั่งวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสที่สุด เราก็ยังอยากให้ทุกคนลองแวะมาสัมผัสกับช่วงเวลาดีๆแบบนี้ :)
Kawaguchiko Music Forest
เปิดทุกวัน 9.00-17.30 น. (เข้าชมก่อน 17.00 น.)
ค่าเข้าชม: บุคคลทั่วไป 1,300 เยน, นักเรียนและนักศึกษา 1,100 yen, นักเรียนชั้นประถมและอนุบาล 800 เยน
การเดินทาง : นั่งรถ retro bus สาย Kawaguchiko Line หรือขี่จักรยาน มาลงที่ป้าย Ukai Orugoruno Mori Bijutsukan (ป้ายเบอร์16)
ชอบบทความนี้ ติดตามรีวิว ท่องเที่ยว อาหาร ไลฟ์สไตล์ ต่อๆไปของเรา
กดไลค์ Facebook Fan Page : somewhere only we go ได้ที่ด้านล่างนี้กันนะฮะ :)