Takayama & Shirakawago เมื่อหิมะเนื้อและเมืองเก่าอยู่รอบๆตัวเรา

posted in: CHUBU, JAPAN, TRAVEL | 0

 

Takayama & Shirakawago เมื่อหิมะเนื้อและเมืองเก่าอยู่รอบๆตัวเรา

วันนี้เราจะพาไปที่ ทาคายาม่า และ ชิราคาวาโกะ สองที่เที่ยวท่ามกลางหุบเขาที่พอเข้าหน้าหนาว ก็จะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาหิมะ

ไปเดินเล่นในย่านเมืองเก่าและหมู่บ้านมรดกโลก ฟินกับเนื้อฮิดะสุดยอดเนื้อของญี่ปุ่น ตื่นเต้นกับธรรมชาติสวยๆที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะกับเรากันเถอะ

 

 

Takayama | ทาคายาม่า

เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุ ที่เราสามารถเดินเล่นได้จนทั่วเมือง มีจุดเด่นคือธรรมชาติที่สวยงาม และในฤดูหนาว

ที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ย่านเมืองเก่าแบบญี่ปุ่น กับหิมะขาวๆ เป็นภาพที่สวยงามมากกก

 

เริ่มต้นการเดินทางของเราจากนาโกย่า เราเที่ยวทริปนี้ด้วย JR Takayama Hokuriku Area Tourist Pass

ที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ Nagoya, Takayama, Toyama, Shirakawago, Kanazawa, Kyoto และ Osaka

 

ทีนี้ เราจะมาพูดถึงการเดินทางโดยรวมของทริปนี้กันก่อน

จากนาโกย่าไปทาคายาม่า เราจะขึ้นรถไฟ JR ขบวน Limited Express HIDA ซึ่งสามารถขึ้นได้ไม่จำกัดเที่ยวจาก Pass ที่เรามี

และจากทาคายาม่า เราต้องขึ้นรถบัสของ Nouhi หรือ Hokutetsu เพื่อไปยังชิราคาวาโกะ ทั้งขาไปและกลับ

ปัญหาอยู่ที่เจ้ารถบัสไปกลับจากทาคายาม่าไปชิราคาวาโกะนี่แหละ ที่ในฤดูหน้าวจะมีคนต้องการขึ้นรถสายนี้เยอะมากกกก

อ่านรีวิวพาสรวมไปถึงการจองรถบัส ได้ที่นี่ >> http://www.somewhereonlywego.com/archives/2929/jr-takayama

 

 

มาๆ ได้พาสมาแล้ว เราก็พร้อมออกเดินทางจากสถานี JR Nagoya พร้อมเอาข้าวกล่องรถไฟ หรือ Ekiben มากินด้วยย

 

 

นั่งรถออกนอกเมืองมาสักพักวิวข้างทางก็เริ่มสวยขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเห็นหิมะลงมาเกาะยอดไม้บ้างแล้วววว

 

 

และเราก็มาถึงจุดที่สวยมากกกก วิวข้างทางเต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมทั้งหมู่บ้านและภูเขา เป็นภาพที่สวยมาก

หนุ่มสาวญี่ปุ่นที่นั่งกันยอู่เต็มขบวนต่างก็หันมาถ่ายรูปกันใหญ่เลยย

 

 

เหลือบดู Google Map เราก็พบว่าใกล้จะถึงทาคายาม่าแล้ว วิวข้างทางตรงนี้สวยมากจริงๆ ขาวโพลนไปหมดดด

 

 

และแล้วเราก็มาถึงสถานี Takayama Station แห่งเมืองทาคายาม่า คนมาเที่ยวที่นี่เยอะมากกก มากกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย

ทาคายาม่าเป้นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มตัวแล้วจริงๆ ทั้งชาวต่างชาติ หรือคู่รักหนุ่มสาวญี่ปุ่น ก็มาเที่ยวที่นี่กัน

 

 

ผ่านประตูออกมานอกสถานีเราก็มุ่งหน้าตรงไปที่ตึก Takayama Nouhi Bus Center กันก่อนเลยยย เพื่อจองรถสำหรับไปชิราคาวาโกะในวันต่อไป

โดนถ้าเราถือพาส Takayama Hokuriku Area Pass เราก็สามารถเข้าไปต่อคิวเหมือนซื้อตั๋วปกติ และยื่นพาสตอนจองได้เลย สะดวกมากๆ

แต่!!!!

เราจะบอกว่า ควรจองรถมาล่วงหน้าก่อนมาที่นี่นะ คือรถที่จะไปชิราคาวาโกะจากทาคายาม่า มีวิ่งตลอดไม่น่าห่วง

ไปกลับจากทาคายาม่ายังไงไปแล้วได้กลับแน่นอน แต่ที่วิ่งระหว่างชิราคาวาโกะไปกลับคานาซาว่า เป็นรถที่ต้องจองที่นั่งทุกเที่ยว

ถ้ารถเต็มก็อดนะะะ เพราะฉะนั้น ในช่วงฤดูหนาว เราแนะนำว่าให้จองมาล่วงหน้าก่อนเลยจะได้ไม่พลาดนะ

จองยังไงไปอ่านได้ที่นี่ >> http://www.somewhereonlywego.com/archives/2929/jr-takayama

 

 

จัดการเรื่องตั๋วรถเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไที่พักของเรากันเลยดีกว่า บรรยากาศในเมืองทาคายาม่าตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะ ถึงแม้จะเป็นช่วงสายๆแล้ว

แต่ก็ยังสวยมากๆอยู่เลย เดินจากสานีมาไม่ไกลเราก็มาถึง J-Hopper Hida Takayama โฮสเทลของเราในคืนนี้

 

 

ฝากของเสร็จเรียบร้อยเราก็พร้อมลุยเดินเล่นในเมืองทาคายาม่ากันแล้วววว เป้าหมายแรกของเราก็คือ สะพานแดง Nakabashi นั่นเองงง

ระหว่างทางเดินก็ผ่านย่านเรือนของเมืองทาคายาม่า ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เราไม่เคยเจอเลยกับเมืองเก่าญี่ปุ่นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

ทาคายาม่าเป็นเมืองเล็กๆ ไม่มีตึกสูง ไม่มีร้านอาการที่เป็นสาขาหรือมินิมาร์ทมากเท่าไร แต่นั่นก็เป็นข้อดี

คือเราจะได้เห็นร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่นหลากหลายมากๆ

 

 

เราเดินมาถึงสะพานแล้ว แต่ยังไม่ใช่สะพานแดง ฮ่าๆๆ แต่จากมุมตรงนี้ มองและถ่ายรูปไปที่สะพานแดงสวยมากๆ

คลองใสๆ ต้นไม้ริมน้ำ หิมะขาวๆ ตัดกับสีแดงสดของสะพานได้เป็นอย่างดี เป็นภาพที่สวยมากๆ ของจริงๆสวยกว่าในรูปเยอะเลย

 

 

นอกจากสะพานแดงก็มีผ้าพันคอแดง ฮ่าาาาา

 

 

จากริมน้ำ เราเดินเลี้ยวเข้าถนน  Sanmachi Suji ถนนเส้นนี้จะเป็นย่านเมืองเก่า ที่มีบ้านเรือนและอาคารไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ไได้เปลี่ยนเป็นร้านค้า

ร้านขนม น้ำชา ไปจนถึงเรียวกัง ให้บรรยากาศเหมือนเราย้อนเวลากลับไปญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย นี่ถ้าใส่ชุดซามูไรมาเดินคงเข้ากัน ฮ่าๆๆ

 

 

หน้าบ้านเรือนในถนนนี้จะเป็นทางที่น้ำจากบนภูเขาไหลผ่าน น้ำใสมากกกกก

 

 

ร้านนี้ขายมิโซะ หรือเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น ความเจ๋งก็คือเค้าต้มซุปมิโซะร้อนๆไว้ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเข้ามากินได้ฟรีๆเลย

อากาศหนาวๆได้กินซุปมิโซะร้อนๆนี่มันดีต่อใจจริงๆเลยน้าา

 

 

โรงเหล้าสาเกก็มี มีสาเกหลายชนิดให้เลือก จริงๆมีคอร์สสำหรับชิมสาเกด้วยนะ แต่เราไม่ได้เข้าไป ใครชอบสาเกต้องมาลองๆ

 

 

ถึงจะเก่าแต่ก็สวยมากก เรารู้สึกว่ามันเป็นความเก่าที่ดูสมัยใหม่มากเลย มันมินิมอล มันสวยมาก

 

 

เดินกันเพลินๆแบบลืมเวลากันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ เดินเล่นที่นี่เราจะได้เจอทั้งคนไทย คนจีน คนเกาหลี และหนุ่มสาวญี่ปุ่นที่มาเดทกันเต็มไปหมด

 

 

ของเล่นแบบญี่ปุ่นย้อนยุคเต็มเลย ชอบตรงที่มันเป็นไม้ และทำมาอย่างคุณภาพดีเนี่ยแหละ

 

 

เดินผ่านมาเจอกับบ้านทรงสูง ที่มีประตูสูงๆ ตอนแรกก็สงสัยว่าคืออะไร แต่พออ่านป้ายถึงรู้ว่า มันคือที่เก็บรถขบวนแห่ในงานเทศกาลของที่นี่นี่เอง

ที่ทาคายาม่าจะมีเทศกาล Takayama Matsuri ที่จัดเป็นประจำทุกปีในฤดูใบไม้ผลิ ถือได้ว่าเป็น1ใน3งานเทศกาลที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

 

 

นี่ๆ แอบหารูปตอนมีงานเทศกาลมาให้ดู สวยงามและยิ่งใหญ่มากกกก

 

 

รถลากแบบดั้งเดิม เราสามารถจ้างพี่ๆรถลากพาเราเที่ยวชมเมืองทาคายาม่าได้ด้วย นอกจากจะลากรถแล้ว

เค้ายังทำหน้าที่เป็นไกด์และคนถ่ายรูปให้เราอีกด้วยนะ ฮ่าๆๆ ใครสนใจก็ต้องลองถามราคาดูนะ

 

 

เดินมาสุดถนน เราก็มาตัดกับถนนใหญ่ ที่จะพาเราไปยังสะพาน Nakabashi สีแดงสดสวย

 

 

เดินมาริมแม่น้ำเราก็จะเจอกับวิวสวยๆ หิมะเกาะกิ่งไม้ และปกคลุมไปทุกที่ ชมก็หลายรอบแล้ว แต่มันสวยมากจริงๆนะ

 

 

Nakabashi Bridge

ถึงแล้ววววว สะพานสีแดงสด ตัดกับสีของหิมะขาวๆและบ้านเรือนสีพาสเทล ทำให้สีของสะพานยิ่งสดขึ้นไปอีก ถ่ายรูปออกมาสวยมากกก

แต่อยากจะบอกว่าของจริง สวยกว่ารูปที่เราถ่ายมากอีกเยอะมากกก ต้องมาเห็นเองของแบบนี้

 

 

มาดูวิวจากสะพานแดงกันบ้าง สวยจนบรรยายไม่ถูกเลย

 

 

ข้ามจากสะพานแดงมา เราจะมาพบกับ ตลาดช้า Jinya mae Morning Market ที่ตอนเรามาถึงก็เริ่มจะเก็บๆกันแล้ว พร้อมกับหิมะที่เริ่มตกลงมา

 

 

 

ตลาดนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าของ Takayama Jinya อดีตศาลาว่าการเมืองทาคายาม่าในสมัยก่อน ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมได้

แต่เราไปช่วงปีใหม่ ก็เลยอดเข้าไปชมตามระเบียบ ฮ่าๆๆ

 

 

แวะกินดังโงะย่างร้อนๆกันหน่อย ดังโงะที่นี่จะเป็นแบบรสเค็ม คือจุ่มซอสเค็มๆคล้ายๆที่ทาเซ็มเบ้แล้วเอาไปย่าง เวลากัดไปเหนียวๆหนึบหนับ

ออกรสเค็มๆอร่อยดี อาจจะไม่เหมือนที่เราคุ้นเคยที่เป็นดังโงะราดน้ำหวานๆ แต่ก็อร่อยแนะนำให้ลอง ไม้ละ 80 เยน เท่านั้น

 

 

ต่อจากดังโงะ เราก็เหลือบไปเห็นร้านซูชิเนื้อฮิดะ ของขึ้นชื่อของเมืองทาคายาม่านี้ ถึงร้านนี้จะไม่ใช่ร้านที่เราตั้งใจมากินที่อยู่ในถนน Sanmachi Suji

แต่ท่าทางดูน่ากินมากกกก เราก็เลยต้องจัดกันสักหน่อย ร้านเป็นห้องขนาดเล็กๆ มีช่องให้สั่งอาหาร โดยทีคุณลุงเชฟ (ใส่ชุดเชฟเลยนะ)

คอยรับออร์เดอร์และปรุงซูชิให้เรากิน ตอนแรกที่ไปสั่งแอบโดนเชฟดุ ว่าให้รอก่อนๆ เพราะเราฟังไม่รู็เรื่องไปสั่งซ้ำสองรอบ ฮ่าๆๆ

 

 

แต่รอไม่นานเชฟก็บรรจงทำซูชิให้เรา เนื้อฮิดะลายสวยๆ เหมือนที่เราได้กินในยากินิคุ วางบนข้าวร้อนๆ ย่างด้วยไฟมาแบบกำลังดี

แค่เห็นหน้าตาเราก็น้ำลายไหลแล้ว น่ากินมากกกกกก พอเอาใส่ปากเท่านั้นแหละ น้ำตาจะไหล มันอร่อยมากกกกกก

คือมันนุ่ม ฉ่ำ และละลายในปาก รสชาติไม่รู็จะเปรียบเทียบกับอะไร แต่อร่อยมากจริงๆ

 

 

และจากการชิมซูชิเนื้อฮิดะที่ทาคายาม่าทั้งหมดสามร้านเราขอยกให้ร้านนี้เป็นร้านที่อร่อยเทพที่สุดกว่าทุกๆร้านเลย คือร้านที่ถนน Sanmachi Suji

จะวางมาบนเซมเบ้ มีไข่ดิบ ถ่ายรูปออกมาสวยกว่า แต่ร้านนี้คือมาด้วยรสชาติเนื้อล้วนๆ อร่อยสุดจริง นี่ให้พิกัดด้วยเลย อยากให้ไปลอง

กดดูพิกัดได้ที่นี่เลย >>กดๆ<<

 

 

ระหว่างรอเนื้อเราก็หันมาเจอวิวสวยๆของสี่แยกหน้า Takayama Jinya ที่หิมะกำลังตก

 

กินเสร็จเราก็เดินลัดเลาะกันต่อมาเรื่อยๆ เมืองเล็ๆแบบทาคายาม่า มองอะไรก็ดูน่ารักไปหมด ทั้งถนหนทาง ทั้งบ้านเรือนที่อยู่ริมทาง

ยิ่งมีหิมะตกแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งน่ารักคูณสอง แต่อย่าให้พูดถึงความหนาวนะ ฮ่าาา ตอนนี้ประมาณ -2 องศาเลยแหละ

 

 

เดินมาเรื่อยๆจนมาเจอกับเจ้านี่ เนื้อฮิดะอีกแล้ววววว คราวนี้มาแบบเสียบไม้ย่าง ส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลเลย เราก็ไปต่อคิวคนญี่ปุ่นสองสามคิว

รอคุณป้าย่างให้ร้อนๆ พอได้มาถืออยู่ในมือนี่ยิ่งหอมกว่าตอนเดินผ่านซะอีก กัดเข้าไปเนื้อก็นุ่มมากกก ไม่นุ่มเท่าซูชิแต่ก็อร่อยมาก กำลังเคี้ยวเพลิน

 

 

ร้านนี้คนกินเยอะมากก ทั้งกลางวันกลางคืน เราเดินผ่านแล้วเห็นคนเต็มตลอด ถึงเราจะไม่ได้แวะก็ตาม ฮ่าๆๆ

แต่ก็ดูน่ากิน และมีอาหารหลากหลาย ทั้งราเมง ข้าวหน้าเนื้อย่าง ไปจนถึงซูชิเนื้อฮิดะด้วย

 

 

ร้านดังโงะก็มีกระจายไปทั่วๆเมือง ฮ่าๆๆ จริงๆกินไปหลายร้านเลย แต่รสชาติคล้ายๆกัน

 

 

เดินมาถึงอีกสะพาน เพื่อข้ามกลับไปยังถนน Sanmachi Suji อีกฝั่งที่เรายังไม่ได้เดิน คราวนี้เราจะไปชิมซูชิเนื้อฮิดะร้านที่เราตั้งใจว่าจะมากันบ้างงง

วิวสะพานฝั่งนี้ก็สวยไปอีกแบบ มองเห็นไปถึงโทริอิใหญ่ของศาลเจ้า Sakurayama Hachimangu เลยด้วย

 

 

พื้นที่ตลอดแนวย่านเมืองเก่าและถนน Sanmachi Suji จะถูกเรียกว่าย่าน Kamisanomach

 

 

ฝั่งนี้ก็มีโรงเก็บเกี้ยวสำหรับงานเทศกาลด้วยเหมือนกัน

 

 

บ้านไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม สวยมากๆ และเจ๋งมากที่ยังดูไม่เก่าเลยถึงปัจจุบัน

 

 

ช่วงบ่ายฟ้าเริ่มเปิดให้มีแดดส่องลงมา หนุ่มๆสาวๆอย่างเราก็เดินกันชิลเลยล่ะ

 

 

ร้านเนื้อฮิดะย่างเสียบำม้อีกร้านนึง อันนี้เราไม่ได้ลอง แต่น่าจะอร่อยเมือนกัน มีคนรอคิวซื้อตลอดเลย

 

 

มาถึงร้านซูชิเนื้อฮิดะที่เราตั้งใจมากินกันดีกว่าาาาา ร้านซูชิเนื้อฮิดะตรงนี้จะมีอยู่ 2 ร้าน คล้ายๆกัน คิวยาวเป็นสิบคิวเหมือนกัน

เริ่มจากร้านแรกก่อน ร้านนี้จะเป็นซูชิมาคู่กับมากิที่ใส่ไข่ดิบมาด้วย รสชาติอร่อยหอมมาก นุ่ม ใช้ได้เลย แต่ตัวเนื้อจะเบิร์นมาไม่มากและไม่นุ่มเท่าร้าน

ที่อยู่ตรง Takayama Jinya ที่เรากินร้านแรก แต่โดยรวมถือว่าดีเลย อร่อย

 

 

ร้านที่สอง ร้านนี้จะไม่มีมากิไข่ดิบมาด้วย เป็นซูชิป้ายวาซาบิมาด้านบนเลย ขนมเซมเบ้ก็ไม่เหมือนกัน แต่รสชาติพอๆกันเลย

คือหอมและนุ่มในระดับไม่ได้ต่างกันมาก ถ้าจะกินแค่ร้านเดียวในสองร้านนี้ ก็ร้านไหนก็ได้ แต่เราแนะนำร้านตรง Takayama Jinya มากสุด ฮ่าๆๆ

 

 

หลังจากของคาวแล้วมันก็ต้องตามด้วยของหวาน เราเหลือบไปเห็นร้านนี้ JAPANESE SWEES ARTIST SHINYA produced by 福壽庵

เป็นร้านขนมหวานแบบญี่ปุ่น มีขนมหลายอย่าง แต่ที่เราเลือกมาก็คืออออ ไดฟูกุไส้สตรอเบอรี่ ที่ต้องบอกเลยว่าาาา อร่อยมากกกกกกก

คืออร่อยกว่าที่เราเคยกินที่อื่นๆ ที่จะมีลูกสตรอเบอรี่ใหญ่ๆ เห็นชัดๆ แต่อันนี้จะสอดไส้ไว้ด้านในเลย และสตรอเบอรี่หวานมากกกก

ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจของไดฟูกุสตรอเบอรี่เลย

 

สตรอเบอร์รี่หวานๆฉ่ำๆดีต่อใจ โหยยย อยากกินอีกกก

 

 

เดินเล่นๆกินๆกันแบบเพลิดเพลินมากกกก บรรยากาศพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ

ที่ทาคายาม่านี่เป็นเมืองที่อะไรๆก็ปิดเร็วมาก ราวๆสี่โมงครึ่งร้านค้าต่างๆก็จะทยอยปิดกัน

จริงๆก็สมกับที่ฤดูหนาวแหละ เพราะในฤดูหนาว แค่ห้าโมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว

 

 

ร้านของที่ระลึก Sarubobo มาสคอตของเมืองนี้ ที่นอกจากจะเป็นมาสคอตแล้วยังเป็นเครื่องรางให้โชคดีอีกด้วย

 

 

Takayama Showakan พิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่นยุคโชวะ

ที่ต่อไปที่เราวางแผนว่าจะมาที่นี่ นั่นก็คืออออ Takayama Showakan หรือพิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่นยุคโชวะนั่นเอง

ชุคโชวะคือยุคไหน ยุคโชวะคือยุคตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 – 1989 หรือถ้าเทียบกับไทยก็ประมาณ วงดิอิมพอสซิเบิล อะไรแบบนั้น หรือเรียกว่าเรโทรก็ได้

ความน่าสนใจของที่นี่ก็คือ การจำลองวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในสัมยนั้นมาอย่างละเอียดและเหมือนจริงมาก ราวกับว่าเราหลุดย้อนกลับไปอยู่ในยุคนั้นเลย

ใครชอบของเก่าๆ หรืออะไรที่ย้อนยุค อะไรเรโทรๆ น่าจะเดินเล่นที่นี่ได้อย่างเพลิดเพลินมากๆเลยล่ะ

 

 

โถงด้านในจำลองอาคารบ้านเรือน ร้านค้า คลินิค และสถานที่ต่างๆเอาไว้เยอะมาก

 

 

 

ร้านค้าต่างๆทั้งที่ใช้ของเก่าจริงๆและสร้างขึ้นมา ก็ทำได้เหมือนจริงมากกกกก เหมือนไปเดินอยู่ในตรอกเล็กๆ หรือย่านร้านค้าในสมัยนั้นเลย

 

 

นอกจากส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้ว ด้านหน้ายังเป็นร้านขายขนมและของเล่นจากสมัยโชวะอีกด้วย น่ารักมากกก

 

 

ร้านตัดผมฝั่งตรงข้าม สวยมากกกก เหมือนหลุดมาจากข้างในพิพิธภัณฑ์ด้วยเลย ยิ่งมีไม้เลื้อยอีก โอยยย สวย

 

 

ออกจากพิพิธภัณฑ์มาก็เป็นเวลาสีโมงกว่าๆแล้ว ร้านค้าต่างๆก็เริ่มทยอยกันปิด เราเดินเล่นชมเมืองกันมาเรื่อยๆ เจอคุณตุ๊กตาหิมะด้วยย น่ารัก

 


 

เราเดินเลียบคลองไปเรื่อยๆจนถึงเสาโทริอิใหญ่ที่อยู่กลางสะพาน ซึ่งก็คือโทริอิของศาลเจ้า Sakurayama Hachimangu ที่เรามองเห็นเมื่อกลางวัน

 

 

สะพานนี้จะเป็นสะพานที่ไม่มีรถวิ่งผ่าน เป็นทางตรงมุ่งสู่ศาลเจ้าเลย เป็นถนนเส้นที่จะมีการจัดงานเวลาถึงเทศกาล

 

 

เดินกันหนาวๆชิวๆมาถึงศาลเจ้า ฟ้าห็ใกล้มืดแล้ว เราก็แวะเข้าไปขอพรกันซะหน่อย

 

 

ศาลเจ้าที่มีหิมะนี่มันสวยเป็นพิเศษจริงๆนะ ดูหิมะที่เกาะนั่นสิ โอยยย ทำไมไทยไม่มีหิมะบ้างงงง

 

 

ไหว้ศาลเจ้าขอพรกันแล้ว เราก็ถึงเวลาเติมพลัง ด้วยสิ่งที่อร่อยที่สุดของเมืองนี้ นั้นก็คือ เนื้อฮิดะ ในแบบ Yakiniku นี่เองงงงงงงงงงง

ก่อนมาที่นี่ เราลิสรายการร้านที่อร่อยไว้หลายร้าน โดยอ้างอิงจาก Tabelog ที่เป็นเว็บจัดเรทติ้งร้านอาหารอร่อยๆทั่วญี่ปุ่น

 

 

มาที่ร้านแรกกันก่อน นั่นก็คือร้าน Hidagyu Maruaki ที่นอกจากจะเป็นร้านเนื้อย่างแล้ว

ยังมีขายเนื้อสดๆให้เราเอากลับไปทำอาหารกันด้วย ราคาก็ถือว่าไม่แพงเลย ถ้าอยู่ญี่ปุ่นและมีครัวนี่น่าสนใจมากกกกก

 

 

แต่พอเรามาถึง เราก็เจอกับคิวคนที่รอเข้าร้านอยู่ 30 กว่าคิวววว โหดมากกกก เราเลยตัดสินใจจะเปลี่ยนไปอีกร้าน คิดว่ายังไงคิวต้องน้อยกว่าแน่ๆ

เราก็เลยดั้นด้นเดินฝ่าความหนาวกันต่อ ไปยังร้าน Ajikura Tengoku เป็นร้านที่ใช้เนื้อจาก JA หรือสหกรณ์การเกษตรของญี่ปุ่น

ตั้งอยู่ใกล้ๆกับหน้าสถานี JR Takayama Station ระหว่าที่เดินหิมะก็ตกลงมาและเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

 

Ajikura Tengoku

หลังจากฝ่าความหนาวและหิมะมาถึงร้าน เราก็พบว่าาาาาา ร้านนี้ก็คิวยาวไม่ต่างจากร้านแรกเลยครับทั่นผู้ชมมม

แต่เรามาขนาดนี้แล้ว เดินลุยหิมะลากท้องอันหิวโหยมาถึงที่นี่ ก็ต้องรอนั่นแหละครับ ฮ่าๆๆระหว่างรอก็ดูเมนูไปพลางๆ

 

 

รอนานแค่ไหนไม่รู้ แต่สุดท้ายก็ถึงคิวของเราแล้ววว ถึงโต๊ะก็ต้องสั่งเบียร์มาดับกระหายกันก่อน ฮ่าๆๆ

 

 

เตาพร้อม เครื่องปรุงพร้อม เราสั่งชุดราคา 8,980 เยน พร้อมข้าวอีก 2 ถ้วย

 

 

มาแล้ววววว เซ็ตเนื้อฮิดะ A5 ของเราาาาา

 

 

ดูลายของเนื้อนั่นสิ โอ้แม่สาวน้อยยยยยยยย

 

 

เนื้อทุกส่วนคือดีงามมากกกก เราเริ่มย่างจากส่วนที่มันน้อยไล่ไปหามาก

 

 

เตาไฟให้ไฟกำลังดี เนื้อค่อยๆสุก ไม่ไหม้เกินไป

 

 

กินกับข้าวร้อนๆคือละลายในปากกกกกกก ฟินที่สุดของที่สุดในชีวิตแบบไม่ไหวแล้ว

เรายกให้เป็น yakiniku ที่อร่อยที่สุดที่เราเคยกินมาเลย แนะนำอย่างแรง ใครมาทาคายาม่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงนะ

ชุดนี้พร้อมข้าวสองถ้วย กินกันสองคน อิ่มมากกกกก ทั้งหมดแระมาณ 10,000 เยนนิดๆ

เทียบกับกินบุฟเฟ่เนื้อย่างในโตเกียวหรือโอซาก้าแล้วถือว่าถูกกว่ามากกก และดีงามแบบสุดๆ อวยแล้วอวยอีกกันเลยจริงๆ

 

 

อิ่มท้องแบบอุ่นๆกับเรียบร้อย ก็ได้เวลากลับไปนอนแล้ว เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดกับตลาดเช้า Miyagawa Market กัน

ระหว่างทาง หิมะตกๆ ไฟรถส่องมาให้บรรยากาศดีมากๆ

 

 

เช้าวันที่สองเราตื่นตั้งแต่ 6 โมง รีบแต่งตัวออกไปเดินตลาด Miyagawa Market กัน

ตอนเช้าๆของ คืนที่หิมะตกตลอดตืน มันก็จะสวยๆ ขาวๆ นุ่มๆ แบบนี้แหละ

 

 

เดินผ่านสะพานแดงอีกรอบ ก็ยังสวยเหมือนเดิม โอยยย ทำไมเมืองนี้มันสวยขนาดนี้

 

 

ทางเดินย่านเมืองเก่าที่เมื่อวานเต็มไปด้วยผู้คน เช้าๆแบบนี้เงียบสงบมาก

 

 

Miyagawa Market

เดินไม่นานก็มาถึงคลาดเช้า Miyagawa Market ที่กำลังเริ่มตั้งร้านกันอยู่พอดี ที่ตลาดเช้านี้ก็จะขายของพื้นเมือง ทั้งอาหารสด ผักดอง

ไปจนถึงของที่ระลึก และอาหารเช้าร้อนๆ แต่ตอนที่เราไปร้านขายอาหารยังตั้งร้านไม่เสร็จ

 

 

รถคันนี้น่ารักมากกกกกก

 

 

ตลาดเช้าตอนเช้ามากๆ ก็จะยังเงียบๆหน่อยๆ ฮ่าๆๆ

 

 

ไม้แกะสลัก และไม้สานสำหรับประดับตกแต่ง เป็นของพื้นเมืองของที่นี่

 

 

ลำธารข้างๆก็ยังน้ำใสเหมือนเคย

 

 

น้องชิบะออกมาเดินเล่นยามเช้า ไม่กลัวหนาวเลย สมเป็นหมาญี่ปุ่นจริงๆ

 

 

พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ววววว

 

 

เราค่อยๆเดินกลับมาที่สถานี เพื่อเตรียมตัวไปยังหมู่บ้าน Shirakawago เป้าหมายต่อไปของเรานั่นเองงง

 

 

 

เมืองทาคายาม่ายามเช้า กับหิมะขาวๆที่ปกคลุมไปทั่ว

 

 

ทาคายาม่าเป็นเมืองที่เราชอบและฟินมากๆเมืองนึงของญี่ปุ่นเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาอีกแน่นอนนะทาคายาม่า

 

 

มาถึง Takayama Nouhi Bus Center เราก็มารอขึ้นรถตามรอบที่ดูไว้ จะมีตารางรอบรถบอกอีกครั้งที่นี่

 

 

ระหว่างรอเราขอหม่ำซาลาเปาเนื้อฮิดะกันหน่อย อร่อยมากกกกก เนื้อนุ่มละมุนนนนนน

 

 

อันนี้ข้าวหน้าหมู่สามชั้นย่างซีอิ้ว อร่อยดีงามมากกกกกกก หน้าตาคล้ายๆข้าวหมย่างเกลือในเซเว่นที่ไทย แต่อร่อยกว่ากันสิบเท่า

 

 

ขึ้นรถเราก็ของีบหลับเข้าอุโมงวาร์ปมาที่ชิราคาวาโกะกันเลยดีกว่า

 


 

Shirakawago | ชิราคาวาโกะ

ชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านโบราณเล็กๆที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดกิฟุ ความพิเศษของที่นี่ ที่ทำให้นักเดินทางมากมายมาที่นี่

ก็คือบรรยากาศของหมู่บ้านชาวนาแบบเก่า หรือที่เรียกว่า กัสโซ มีอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน และมีอายุเยอะสุดถึง 250 กว่าปีมาแล้ว

จนหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ได้รับแต่งตั้งจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

 

 

เรามาถึงที่ชิราคาวาโกะราวๆ 11 โมง ด้วยเวลาที่มีจำกัดเพราะเราจองรถบัสเพื่อไปคานาซาว่ารอบเย็นไม่ทัน

มาถึงเราก็ออกเดินกันเลยย หิมะที่นี่หนามากๆๆ ทั้งบนหลังคาและบนพื้นที่อยู่รอบๆทางเดิน

น้ำในทางน้ำเล็กๆริมทางก็ใสมากๆมาจากหิมะที่ละลายจากที่นี่นั่นเองงง

 

 

บ้านแบบกัสโซจะสร้างโดยไม่มีการตอกตะปูใดๆ แต่จะใช้การเข้าลิ่มกันของไม้ และมุงหลังคาด้วยต้นหญ้าที่ซ้อนกันหนามากๆ

ทำให้สามารถกันความหนาวของที่นี่ได้อย่างดี ภาพที่มีบ้านแบบกัสโซเป็นฉากหน้า กับภูเขาที่มีหิมะขาวๆอยุ่ด้านหลัง เป็นอะไรที่สวยงามมากจริงๆ

 

 

ฝาท่อลายของที่ชิราคาวาโกะ เป็นรูปบ้านกัสโซและป่าสน

 

 

บ่อน้ำยังเป็นน้ำแข็งเลยยย แต่น่าจะยังไม่แข็งพอที่จะไปเดินได้นะ ฮ่าๆๆ

 

 

ที่นี่เป็นอะไรที่เดินได้เพลินมากๆ มองไปทางไหนก็มีแต่บ้านสวย ที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ก็สวยไม่แพ้กัน

 

 

มีหน้ากากแบบญี่ปุ่น ขายอยู่ในร้านข้ายของที่ระลึกด้วย

 

 

หยดน้ำจากหลังคาก็กลายเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมๆ เพิ่งเคยเห็นของจริงครั้งแรกก็คราวนี้แหละ ฮ่าๆ

 

 

ถึงจะมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่เราก็เดินแล่นที่นี่ได้อย่างสบายๆไม่อึดอัด เหนื่อยก็แวะร้านขายของหาอะไรกิน

 

 

หุ่นไล่กา พอถุงหน้าหนาวก็ถูกเอามาเรียงไว้แบบนี้ น่ารักไปอีกแบบ ถึงจะไม่ได้ไล่กา แต่ก็กลายเป็นที่ถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวไป ฮ่าๆๆ

 

 

คุณตุ๊กตาหิมะะะะะะะ น่ารักมากก มีมือด้วยยยยยยย

 

บ้านในหมู่บ้านมีเยอะกว่าที่เราคิดไว้มากๆๆ เดินไปตรงไหนก็เจอ มีต่างกันไปทั้งขนาดเล็กใหญ่ ถ่ายรูปมาได้แบบไม่มีเบื่อเลย

จะถ่ายกับบ้าน หรือลงไปนอนเล่นกับหิมะก็ได้ ดีงามมาก

 

 

อีกอยากที่เราชอบมากๆของที่นี่ก็คือภูเขา ภาพภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นสนและต้นไม้ที่ผลัดใบ ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวๆ

มันเป็นอะไรที่เคยเห็นแค่ในรูปก็รู้สึกชอบมากๆแล้ว แต่พอได้มาเห็นของจริง มันสุดยอดกว่ามากๆ มันสวยเหมือนับเป็นภาพ CG หรือภาพวาดเลยล่ะ

 

 

ร้านขายของชำ ที่ให้บรรยากาศเก่าๆ มีทั้งของที่ระลึก ขนม และเครื่องดื่ม เหมือนร้านขายของขำใกล้ๆบ้านสมัยเราเด็กๆเลย

 

 

รถที่ญี่ปุ่นนี่มีแต่คันเล็กๆน่ารักๆ ไม่ค่อนเห็นคันใหญ่ๆเหมือนรถญี่ปุ่นที่มาขายในไทยเลย

 

 

คุณตุ๊กตาหิมะอีกแล้ววว

 

 

Backdrop น่ารักๆให้เรามาถ่ายรูปกัน

 

 

วิวจากสะพาน มองเห็นหมู่บ้านในมุมกว้างๆ สวยและอลังการมากๆ

 

 

หิมะที่แม่น้ำ ขาวปุยๆ เหมือนฟองสบู่เลย

 

 

สะพานนี่คือคนเยอะมากกกก เยอะจนสะพานแกว่ง ฮ่าาาาา ตอนเราไปยืน โดนคุณป้าคนจีนชนเอาเกือบตกสะพาน ใจหายแว่บเลยทีเดียว

 

 

แดดอ่อนๆเริ่มไล่ลงมาตามแนวไม้บนเขา ให้บรรยากาศที่สวยไปอีกแบบ

 

 

มาที่นี่เจอตุ๊กตาหิมะเยอะมาก เจอที่ได้ก็อดถ่ายรูปไม่ได้ทุกที ก็มันน่ารักนี่นาาา

 

 

ใกล้จะถึงเวลาที่เราต้องบอกลาหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ไปแล้ว แต่เราสัญญาว่าจะกลับมาอีกแน่นอน

คราวหน้าจะมาค้างที่นี่พร้อมกับดูไลท์อัพเลยด้วย คราวนี้จองไม่ทัน ที่ชิราคาวาโกะนี่จะมีการแสดงไฟในช่วงเดือนมกรา-กุมภา ของทุกๆปี

นักท่องเที่ยวก็จะเยอะกว่าช่วงธันวาที่เรามา ต้องจองล่วงหน้ากับเกือบๆปีเลย

 

 

ตลอดทริปสองวันของเราที่ ทาคายาม่า และ ชิราคาวาโกะ ทำให้เราพบว่าเราชอบญี่ปุ่นในแบบนี้

แบบที่เล็กๆ น่ารักๆ ไม่วุ่นวาย อาหารอร่อยๆ อากาศดีๆ แต่ก็มีเสน่ห์ของตัวมันเอง เหมือนเราได้ถูกโอบล้อมโดยธรรมชาติ

แต่ญี่ปุ่นก็ทำให้เราสามารถสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้อย่างง่ายๆ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง

 

ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีอะไรให้ค้นหาได้อย่างไม่สิ้นสุดจริงๆ วันหยุดหน้าหนาวปีหน้าถ้าคิดไม่ออกว่าจะไปไหน เราขอแนะนำให้ลองมาใช้ชิวิตช้าๆ

ที่ทาคายาม่ากับชิราคาวาโกะดูสักครั้ง แล้วคุณจะตกหลุมรักเหมือนเรา :)

 


 

แถมท้ายด้วยวิวจากรถบัสขากลับที่เรานั่งจากชิราคาวาโกะไปคานาซาว่า และรีวิวต่อไปของเราก็คือคานาซาว่านั่นเองง รอติดตามได้เลยนะฮะ :)

 


ชอบบทความนี้ ติดตามรีวิว ท่องเที่ยว อาหาร ไลฟ์สไตล์ ต่อๆไปของเรา
กดไลค์ Facebook Fan Page : somewhere only we go ได้ที่ด้านล่างนี้กันนะฮะ :)

Comments :